
เครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ (Industrial Back Up Generator) – โซลูชันครบวงจรโดย GLi
ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจต้องการความต่อเนื่องและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าเป็นหัวใจสำคัญ การเลือกใช้ backup generator ขนาดใหญ่จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ โดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่ให้บริการ Data Center, ผู้รับเหมาก่อสร้าง Data Center, Telco, Cloud Provider และ Enterprise IT ที่ต้องการระบบไฟสำรองที่เชื่อถือได้ตลอด 24/7
ฝังระบบ vs แบบเคลื่อนที่ – ข้อดีของโซลูชันเชิงอุตสาหกรรม
เครื่องสำรองไฟแบบฝังระบบมีข้อได้เปรียบที่สำคัญคือความเสถียรและความสามารถในการทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องสำรองไฟแบบเคลื่อนที่ที่มักใช้ในงานชั่วคราว การออกแบบแบบฝังระบบช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบ ATS (Automatic Transfer Switch) และระบบ monitoring ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องใช้เครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรม
การใช้งาน เครื่องสำรองไฟ ขนาดใหญ่ ในอุตสาหกรรมไม่ใช่เรื่องของความฟุ่มเฟือย แต่เป็นการลงทุนที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ เพราะการขาดไฟฟ้าเพียงไม่กี่นาทีในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ critical operation สามารถก่อให้เกิดความเสียหายหลายล้านบาทได้
สำหรับ Data Center ที่ต้องรับประกัน uptime ถึง 99.99% หรือเทียบเท่า Tier 3 และ Tier 4 การมีระบบไฟสำรองที่เชื่อถือได้เป็นข้อกำหนดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ระบบไฟฟ้าที่ขัดข้องอาจทำให้เกิดการสูญเสียข้อมูล การหยุดชะงักของบริการ และการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้และชื่อเสียงของธุรกิจ การมีระบบ backup generator ที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษา business continuity และความน่าเชื่อถือของบริการ

ประเภทเครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ และปริมาณกำลังไฟ
การเข้าใจประเภทและการจำแนกของเครื่องสำรองไฟจะช่วยให้การเลือกซื้อตรงกับความต้องการใช้งานจริง โดยเฉพาะเมื่อต้องพิจารณาเรื่องงบประมาณเบื้องต้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
Standby vs Prime vs Continuous
ประเภทตามลักษณะการใช้งาน:
- Standby Generator – เหมาะสำหรับใช้เป็นไฟสำรองเมื่อไฟฟ้าหลักขัดข้อง ทำงานไม่เกิน 200 ชั่วโมง/ปี
- Prime Generator – สามารถทำงานเป็นแหล่งไฟฟ้าหลักได้ในระยะเวลายาว ทำงานได้ 500+ ชั่วโมง/ปี
- Continuous Duty Generator – ออกแบบมาสำหรับการทำงานต่อเนื่อง 24/7 โดยแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดการบำรุงรักษาและ derating ที่แตกต่างกัน
เริ่มต้นตั้งแต่ 100 kVA ถึงหลาย MW – เลือกตามโหลดจริง
ช่วงกำลังไฟตามการใช้งาน:
- 100-250 kVA – เหมาะสำหรับ SME Factory, อาคารสำนักงานขนาดกลาง
- 250-500 kVA – โรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง, โรงพยาบาลขนาดใหญ่
- 500 kVA-2 MW – Data Center ขนาดกลาง, โรงงานอุตสาหกรรมหนัก
- 2 MW ขึ้นไป – Data Center ขนาดใหญ่, โรงงานปิโตรเคมี
- เครื่องสำรองไฟ ขนาดใหญ่ ราคา จะขึ้นอยู่กับขนาดกำลังไฟที่ต้องการ การประเมินโหลดที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนเกินความจำเป็นหรือกำลังไฟไม่เพียงพอ
การจัดชุดเครื่องหลายตัว (Parallel / Modular System)
ข้อดีของระบบ Parallel Operation:
- Redundancy – เมื่อเครื่องหนึ่งต้องซ่อมบำรุง เครื่องอื่นยังสามารถทำงานต่อไปได้
- Scalability – สามารถขยายกำลังไฟได้ตามความต้องการ
- Fuel Efficiency – ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงเมื่อโหลดไฟฟ้าต่ำ
- Load Sharing – การกระจายโหลดช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์

การเลือกขนาดเครื่องสำรองไฟ
การเลือกขนาดเครื่องสำรองไฟที่เหมาะสมต้องอาศัยการคำนวณที่ละเอียดและประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าการลงทุน
ประเมินโหลด Starting + Running Wattage
การประเมินโหลดต้องพิจารณาทั้ง running load และ starting load โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มี motor ขนาดใหญ่ เช่น คอมเพรสเซอร์ ปั๊มน้ำ และระบบปรับอากาศ ที่มี starting current สูงกว่า running current หลายเท่า
สำรองกำลังออกแบบ (Oversizing 10–25%)
การออกแบบระบบควรมีกำลังสำรองประมาณ 10-25% เพื่อรองรับการขยายโหลดในอนาคตและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องที่เต็มกำลังตลอดเวลาจะทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพเร็วและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดขัดข้อง
Account for De-rating (อุณหภูมิ, ความสูง) และ Load Surge
ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหรือพื้นที่ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล เครื่องยนต์จะมีกำลังลดลง การคำนวณ derating factor และการเตรียมรับมือกับ load surge จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการออกแบบระบบ
Glossary – 10 คำศัพท์เกี่ยวกับเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรองน่ารู้
การทำความเข้าใจคำศัพท์เทคนิคจะช่วยให้การเลือกซื้อและการสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำศัพท์ | ความหมาย |
Standby Generator | เครื่องสำรองไฟที่ทำงานเมื่อไฟฟ้าหลักขัดข้อง ใช้งานไม่เกิน 200 ชั่วโมง/ปี |
Prime Generator | เครื่องที่สามารถใช้เป็นแหล่งไฟฟ้าหลักได้ ทำงานได้ 500+ ชั่วโมง/ปี |
Continuous Duty | การทำงานต่อเนื่อง 24/7 โดยไม่มีข้อจำกัดเวลา |
ATS (Automatic Transfer Switch) | ATS (Automatic Transfer Switch)สวิตช์เปลี่ยนแหล่งไฟฟ้าอัตโนมัติจากไฟหลักไปไฟสำรอง |
UPS vs Generator | UPS ให้ไฟสำรองทันที แต่ระยะสั้น / Generator ใช้เวลาเริ่มต้น แต่ทำงานได้นาน |
Runtime | เวลาการทำงานต่อเนื่องด้วยเชื้อเพลิงเต็มถัง |
Fuel Consumption | อัตราการใช้เชื้อเพลิงต่อชั่วโมง (ลิตร/ชม.) |
Load Shedding | การตัดโหลดไฟฟ้าบางส่วนเพื่อให้เครื่องทำงานได้ในขีดจำกัด |
Remote Monitoring | ระบบติดตามการทำงานจากระยะไกลผ่านแอพหรือเว็บ |
Silent Enclosure | ฝาครอบลดเสียงแบบพร้อมใช้งาน ลดเสียงได้ 15-25 เดซิเบล |
คำถามที่พบบ่อย
ต่อไปนี้เป็นคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ backup generator หรือ เครื่องสำรองไฟ ขนาดใหญ่ ที่ลูกค้าส่วนใหญ่สงสัย
Q: เครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ ต้องมีขนาดเท่าไร?
A: ขนาดเครื่องสำรองไฟขึ้นอยู่กับการประเมินโหลดทั้งหมดของระบบไฟฟ้า รวมถึง starting current ของอุปกรณ์ต่างๆ โดยทั่วไปควรเพิ่ม safety margin 10-25% จากโหลดจริง สำหรับ Data Center มักใช้ขนาดตั้งแต่ 500 kVA ขึ้นไป
Q: เครื่องสำรองไฟอุตสาหกรรมดีเซลกับก๊าซแตกต่างกันยังไง?
A: เครื่องดีเซลเหมาะสำหรับ standby application เริ่มต้นเร็ว ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า ส่วนเครื่องก๊าซเหมาะสำหรับ continuous operation ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำกว่า มลพิษน้อยกว่า แต่ต้องการระบบจ่ายก๊าซที่เสถียร
Q: การ Parallel เครื่องหลายตัว มีประโยชน์อย่างไร?
A: ระบบ Parallel ช่วยเพิ่ม redundancy เมื่อเครื่องหนึ่งเสีย เครื่องอื่นยังทำงานได้ ประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อโหลดต่ำ และสามารถขยายกำลังได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับ mission-critical applications
Q: ต้องมีถังน้ำมันรองหรือระบบเชื้อเพลิงอย่างไรบ้าง?
A: ขึ้นอยู่กับ runtime ที่ต้องการ Data Center Tier 3 ต้องการ 72 ชั่วโมง Tier 4 ต้องการ 96 ชั่วโมง ควรมีระบบจ่ายเชื้อเพลิงอัตโนมัติและ fuel management system สำหรับการทำงานต่อเนื่อง
Q: ควรเลือก ATS อัตโนมัติ หรือ Manual Transfer Switch?
A: สำหรับ critical applications ควรใช้ ATS อัตโนมัติ เพราะสามารถเปลี่ยนไฟได้ภายใน 10-15 วินาที Manual Transfer Switch เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการความต่อเนื่องสูง และมีคนควบคุมตลอดเวลา
GLI – ผู้ให้บริการโซลูชันเครื่องสำรองไฟครบวงจร
Grandline Innovation มุ่งมั่นเป็นพันธมิตรทางพลังงานระยะยาว ด้วยบริการวิเคราะห์โหลดและออกแบบระบบตามมาตรฐานสากล การติดตั้งโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ และบริการบำรุงรักษาพร้อม remote monitoring เพื่อความมั่นใจในการทำงานของระบบไฟสำรองของคุณ
