เครื่องปั่นไฟเสียงดัง รู้สาเหตุ พร้อม 5 วิธีแก้ลดเสียงรบกวน

เครื่องปั่นไฟเสียงดัง เกิดจากอะไร? คู่มือแก้ปัญหา ลดเสียงรบกวน และเลือกเครื่องเก็บเสียงที่เหมาะสม

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มตอนไฟดับกลางคืน หรือเสียงคำรามที่ไม่หยุดจากห้องเครื่องปั่นไฟในโรงงาน คงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ใครอยากเจอ โดยเฉพาะในโครงการที่ต้องการความเงียบและเสถียรภาพระดับสูง อย่างศูนย์ข้อมูลหรือสถานที่ที่ต้องใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง แต่รู้ไหมว่าเครื่องปั่นไฟเสียงดังไม่ใช่เรื่องปกติที่ต้องยอมรับ หากเข้าใจสาเหตุและวิธีแก้ไข เราสามารถลดระดับเสียงให้อยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ พร้อมรักษาประสิทธิภาพการทำงานไว้ได้อย่างสมบูรณ์

เครื่องปั่นไฟเสียงดัง

เครื่องปั่นไฟเสียงดัง เกิดจากเหตุใด?

เสียงที่ดังผิดปกติจากเครื่องปั่นไฟเสียงดังมักมาจากหลายปัจจัยที่สามารถควบคุมและปรับปรุงได้ หากเราเข้าใจว่าแต่ละส่วนส่งผลต่อระดับเสียงอย่างไร การแก้ปัญหาก็จะตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. ปัญหาจากเครื่องยนต์และการสึกหรอ

หัวใจหลักของเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าคือเครื่องยนต์ดีเซลหรือก๊าซที่ทำงานด้วยการระเบิดภายใน ซึ่งตามธรรมชาติแล้วก็มีเสียงอยู่แล้ว แต่เมื่อชิ้นส่วนภายในเริ่มสึกหรอ เช่น ลูกสูบ วาล์ว ลูกปืน หรือระบบหล่อลื่นไม่เพียงพอ เสียงจะดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งอาจมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงตึงตังหรือเสียงเคาะ ซึ่งบ่งบอกว่าเครื่องต้องการการบำรุงรักษาอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ เครื่องยนต์ที่มีการออกแบบเก่าหรือไม่ได้มาตรฐานจะมีระดับเสียงสูงกว่าเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงโดยเฉพาะ โดยเฉพาะเครื่องปั่นไฟที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การเลือกเครื่องยนต์คุณภาพอย่าง YUCHAI ที่ผ่านมาตรฐานสากลจะช่วยลดปัญหานี้ได้มาก

2. ปัญหาจากระบบไอเสีย

เสียงเครื่องปั่นไฟที่ดังมากส่วนหนึ่งมาจากระบบไอเสียที่ไม่มีการออกแบบที่ดี หม้อพักไอเสีย (Muffler) ที่มีคุณภาพต่ำหรือชำรุดจะไม่สามารถลดเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เสียงคลื่นความดันจากการระเบิดในห้องเผาไหม้ถูกปล่อยออกมาโดยตรง

ท่อไอเสียที่มีรอยรั่วหรือการเชื่อมต่อที่หลวมก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เสียงดังขึ้น ในกรณีของโครงการขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์ข้อมูลที่ต้องใช้เครื่องปั่นไฟสำรองหลายตัว การออกแบบระบบไอเสียที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการวางท่อไอเสียให้ห่างจากพื้นที่ที่มีคนใช้งานหรือพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ

3. ปัญหาจากการสั่นสะเทือน

แม้เสียงจะเกิดจากเครื่องยนต์และไอเสีย แต่การสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านไปยังฐานรากและโครงสร้างอาคารก็สามารถขยายเสียงได้อย่างมาก หากการติดตั้งเครื่องปั่นไฟไม่ได้ใช้ฐานรองหรือแผ่นดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่เหมาะสม เสียงจะสะท้อนผ่านพื้นและผนัง ทำให้ห้องข้างเคียงหรือพื้นที่โดยรอบได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม

ปัญหานี้พบได้บ่อยในกรณีที่มีการติดตั้งเครื่องปั่นไฟในพื้นที่ที่มีพื้นที่จำกัด หรือการติดตั้งภายในอาคารโดยไม่มีการเตรียมโครงสร้างรองรับที่เพียงพอ การจัดการสั่นสะเทือนถือเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมเสียงโดยรวม

5 วิธีติดตั้งและปรับปรุงเพื่อลดเสียงรบกวนทันที

เมื่อเราเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เครื่องปั่นไฟเสียงดังแล้ว ก็ถึงเวลาจัดการกับมัน การปรับปรุงไม่จำเป็นต้องซับซ้อนหรือเสียค่าใช้จ่ายสูงเสมอไป บางวิธีสามารถทำได้ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามาก

 1. เลือกตำแหน่งติดตั้งและกำหนดระยะห่างที่เหมาะสม

การวางตำแหน่งเครื่องปั่นไฟห่างจากพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อนต่อเสียงเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุด สำหรับศูนย์ข้อมูลหรือโรงงานที่มีพื้นที่กว้าง การจัดวางเครื่องให้อยู่ในพื้นที่แยกหรือมีการสร้างกำแพงกันเสียงจะช่วยลดผลกระทบได้อย่างมาก

แม้จะเป็นเพียงการเพิ่มระยะห่างเพียง 5-10 เมตร ก็สามารถลดระดับเสียงได้หลายเดซิเบล ควรคำนึงถึงทิศทางลมและการไหลของอากาศด้วย เพื่อไม่ให้เสียงพัดไปทางพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ

2. ลดการสั่นสะเทือนด้วยฐานรองและแผ่นซับเสียง

การใช้แผ่นยางดูดซับแรงสั่นสะเทือน (Vibration Damper) หรือฐานรองแบบพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องจักรหนักจะช่วยตัดการส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนไปยังพื้นและโครงสร้างอาคาร บางครั้งเพียงแค่เปลี่ยนฐานรองเดิมที่เสื่อมสภาพ ก็สามารถลดเสียงเครื่องปั่นไฟได้อย่างเห็นได้ชัดทันที

สำหรับโครงการที่มีข้อกำหนดเข้มงวด เช่น ศูนย์ข้อมูลระดับ Tier 3 และ Tier 4 การใช้ฐานรองแบบสปริงหรือระบบกันสะเทือนแบบลอยตัวอาจจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงไม่รบกวนการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดสูง

3. ปรับปรุงระบบไอเสียด้วยหม้อพักไอเสียประสิทธิภาพสูง

การอัปเกรดหม้อพักไอเสียเป็นหม้อพักแบบอุตสาหกรรมหรือหม้อพักแบบหลายชั้น (Multi-stage Muffler) สามารถลดเสียงจากไอเสียได้ถึง 15-25 เดซิเบล หม้อพักที่ดีจะมีโครงสร้างภายในที่ซับซ้อน ช่วยดูดซับและสะท้อนคลื่นเสียงก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก

นอกจากนี้ การใช้ท่อไอเสียที่มีฉนวนหุ้มหรือการเพิ่มส่วนขยายท่อไอเสียเพื่อเปลี่ยนทิศทางการระบายออกก็ช่วยลดผลกระทบจากเสียงได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเครื่องได้

4. ใช้โครงสร้างกันเสียง: ตู้ครอบ (Canopy) หรือห้องเก็บเสียง

การสร้างห้อง Generator หรือการใช้ตู้ครอบกันเสียงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดเสียงรบกวน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่หรือไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งเครื่องได้ ห้องเก็บเสียงที่ออกแบบดีจะมีผนังหุ้มด้วยวัสดุดูดซับเสียง เช่น โฟมอะคูสติก หรือแผ่นฉนวนกันเสียงหลายชั้น

สิ่งสำคัญคือการออกแบบระบบระบายความร้อนให้เพียงพอ เพราะห้องปิดมิดชิดจะทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน การใช้พัดลมระบายอากาศร่วมกับช่องระบายที่ออกแบบให้ลดการรั่วไหลของเสียงจะช่วยสร้างสมดุลระหว่างการลดเสียงและการระบายความร้อน

5. จัดการทิศทางกระแสอากาศและช่องระบายความร้อน

ช่องระบายอากาศที่ออกแบบไม่ดีอาจกลายเป็นช่องทางให้เสียงรั่วออกมา การใช้ Acoustic Louver หรือช่องระบายแบบซิกแซกที่มีแผ่นดูดซับเสียงจะช่วยให้อากาศไหลผ่านได้สะดวก แต่เสียงไม่สามารถหลุดออกมาได้ง่าย

การวางตำแหน่งช่องระบายให้หันออกจากพื้นที่ทำงานหลัก หรือการสร้างกำแพงกั้นเพิ่มเติมก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดเสียงเครื่องปั่นไฟได้ โดยเฉพาะในพื้นที่โรงงานหรือศูนย์ข้อมูลที่มีการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

เคล็ดลับเลือกเครื่องปั่นไฟเสียงเงียบ

หากกำลังวางแผนซื้อเครื่องใหม่หรือเปลี่ยนเครื่องเดิมที่มีปัญหา การเลือกเครื่องที่เงียบตั้งแต่ต้นจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงทีหลัง

การเลือกตามชนิดเครื่องยนต์

เครื่องยนต์ก๊าซธรรมชาติหรือ LPG มักมีระดับเสียงต่ำกว่าเครื่องยนต์ดีเซลเล็กน้อย เนื่องจากกระบวนการเผาไหม้ที่นุ่มนวลกว่า แต่สำหรับงานอุตสาหกรรมหนักที่ต้องการความทนทานและความเสถียรระยะยาว เครื่องเจนเนอเรเตอร์ดีเซลคุณภาพสูงอย่าง YUCHAI G-Drive Engine ยังคงเป็นตัวเลือกที่แนะนำที่สุด

สิ่งที่สำคัญคือการเลือกเครื่องยนต์ที่ผ่านการพัฒนาเพื่อลดเสียงโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการออกแบบห้องเครื่องยนต์ให้มีฉนวนภายใน การใช้วัสดุดูดซับเสียง และการปรับจังหวะการทำงานให้นุ่มนวล

การเลือกจากฟังก์ชันเก็บเสียงในตัว

เครื่องปั่นไฟรุ่นใหม่หลายรุ่นมาพร้อมกับตู้ครอบกันเสียงในตัว (Soundproof Canopy) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ช่วยลดเสียงได้ทันทีโดยไม่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม เครื่องเหล่านี้เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถสร้างห้องเก็บเสียงแยกได้

นอกจากนี้ ควรเลือกเครื่องที่มีระบบระบายความร้อนที่ดี เพราะตู้ครอบที่ปิดสนิทอาจทำให้เครื่องร้อนเกิน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน

การพิจารณาความดัง (dBA) ตามสเปคเครื่อง

ตรวจสอบค่าระดับเสียง (Sound Level) ที่ระบุในสเปคเครื่อง โดยทั่วไปจะวัดที่ระยะ 7 เมตร จากตัวเครื่อง เครื่องปั่นไฟที่มีคุณภาพดีจะมีระดับเสียงอยู่ที่ประมาณ 65-75 dBA สำหรับเครื่องขนาด 100-200 kVA ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้สำหรับงานอุตสาหกรรม

หากต้องการความเงียบมากกว่านี้ ควรเลือกเครื่องที่มีระดับเสียงต่ำกว่า 70 dBA หรือพิจารณาใช้เครื่องขนาดใหญ่ที่ทำงานที่โหลดต่ำกว่า ซึ่งจะมีเสียงเงียบกว่าเครื่องขนาดเล็กที่ทำงานเต็มกำลัง

เลือกเครื่องปั่นไฟอย่างไรให้เสียงเงียบ?

นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจระบบไฟฟ้าและความต้องการเฉพาะของธุรกิจจะช่วยให้เลือกเครื่องที่เหมาะสมได้ บางครั้งเครื่องที่แพงกว่าอาจมีระบบเก็บเสียงเครื่องปั่นไฟที่ดีกว่า ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงภายหลัง

การเลือกเครื่องปั่นไฟจากผู้จำหน่ายที่มีประสบการณ์และมีบริการหลังการขาย เช่น Grandline Innovation ที่เป็นผู้นำเข้า YUCHAI ในประเทศไทย จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง พร้อมทั้งการติดตั้งและบำรุงรักษาที่เป็นมืออาชีพ

สำหรับโครงการที่ต้องการระบบ Remote Monitor หรือ Integration กับ BMS เพื่อตรวจสอบระดับเสียงและการทำงานของเครื่องแบบเรียลไทม์ ควรเลือกเครื่องที่รองรับระบบเหล่านี้ตั้งแต่แรก เพื่อความสะดวกในการจัดการระยะยาว

เครื่องปั่นไฟเสียงดังแบบไหนที่ควรระวัง?

เครื่องปั่นไฟที่มีราคาถูกผิดปกติมักมาพร้อมกับคุณภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในเรื่องของการลดเสียง เครื่องเหล่านี้อาจใช้วัสดุไม่มีคุณภาพ ขาดการออกแบบระบบเก็บเสียง หรือมีเครื่องยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เสียงดังกว่าที่ควรจะเป็น และอาจมีปัญหาในระยะยาว

เครื่องปั่นไฟมือสองที่ไม่ผ่านการตรวจสอบหรือบำรุงรักษาอย่างถูกต้องก็เป็นอีกกลุ่มที่ควรระมัดระวัง ชิ้นส่วนที่สึกหรอจะส่งเสียงดังและอาจเสียหายเพิ่มเติมได้ง่าย หากจำเป็นต้องใช้เครื่องมือสอง ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

นอกจากนี้ เครื่องที่ไม่มีเอกสารรับรองมาตรฐานการทดสอบ Generator หรือไม่ระบุค่าระดับเสียงอย่างชัดเจนในสเปคก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตไม่ได้ใส่ใจในเรื่องคุณภาพเสียง

สรุป

เครื่องปั่นไฟเสียงดังไม่ใช่สิ่งที่ต้องทนอยู่กับมัน การเข้าใจสาเหตุ การปรับปรุงที่ถูกวิธี และการเลือกเครื่องที่เหมาะสมตั้งแต่แรกจะช่วยให้โครงการของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ข้อมูล โรงงานอุตสาหกรรม หรืออาคารที่ต้องการความเงียบ การลงทุนในระบบเก็บเสียงและการเลือกเครื่องคุณภาพจะคุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในแง่ของความสบายของผู้ใช้งานและการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับมลพิษทางเสียง 

หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกเครื่องปั่นไฟที่เหมาะสมหรือการแก้ปัญหาเสียงดัง ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ Grandline Innovation พร้อมให้คำแนะนำและหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกโครงการ

แชร์บทความนี้..